ทำไมเราต้องรู้จักประเภทของกระเบื้อง ?

       บ้าน คือสถานที่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่น รู้สึกผ่อนคลาย บ้านเป็นที่ ๆ ต้องดูแลเอาใจใส่ ในหนึ่งวันจะใช้เวลาอยู่กับที่บ้านมากที่สุดของแต่ละวัน การตกแต่งบ้านเพื่อให้เป็นไปตามที่ต้องการจึงเป็นส่วนสำคัญ ที่มีผลต่อความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย ด้วยเหตุนี้ ทำไมต้องรู้จักประเภทของกระเบื้อง เพราะการใช้กระเบื้องผิดประเภทจะสร้างปัญหาที่ไม่รู้จบ ส่วนใหญ่แล้วปัญหาของการเลือกกระเบื้องผิดก็มาจากการที่ไม่รู้จักประเภทกระเบื้องที่เพียงพอ จึงทำให้เลือกผิด และติดตั้งกระเบื้องคุณสมบัติไม่ตรงกับการใช้งาน จนต้องซ่อมแซม เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา การแก้ไขในบางครั้งอาจจะทำให้เราต้องรื้อกระเบื้องทั้งหมดออกมาปูใหม่เสียของทั้งหมด วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการเลือกกระเบื้องที่ถูกต้องตั้งแต่แรก ซึ่งคุณจะต้องรู้จักและเข้าใจประเภทของกระเบื้องแบบต่าง ๆ ให้ดีก่อนที่จะเลือกซื้อกระเบื้อง

ประเภทกระเบื้อง  

       กระเบื้องนั้นแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามวัสดุและกระบวนการที่ใช้ในการผลิต การเลือกซื้อกระเบื้องอาจจะเกิดความสับสนได้ ว่าคืออะไร ? ใช่หรือเปล่า ? อันนี้อันนั้นต่างกันยังไง ? มีข้อดีอะไรบ้าง ? ใช้ปูแบบไหน ? เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เราจะทำให้การเลือกซื้อกระเบื้องของคุณเป็นเรื่องที่ง่าย ๆ เราจะอธิบายถึงประเภทกระเบื้องที่เป็นที่นิยม แต่ละประเภทมีอะไรบ้าง ดังนี้เลย 
          

       1.กระเบื้องแบบเซรามิก
          

       2.กระเบื้องพอร์ซเลน
          

       3.กระเบื้องโมเสก

  

       กระเบื้องทั้ง 3 ประเภทกต่างมีคุณสมบัติและลักษณะที่แตกต่างกันออกไป การใช้ก็แตกต่างกันออกไปด้วย ไปดูรายละเอียดของกระเบื้องแต่ละชนิดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลือกซื้อกระเบื้องกันเลย

credit : https://www.wallsandfloors.co.uk/natural-terracotta-tiles/terradine-terracotta-tiles


กระเบื้องดินเผา

       เป็นอีกหนึ่งรูปแบบกระเบื้องที่มีความสวยงาม และมีความคลาสสิค มีสีแดงอิฐหรือสีน้ำตาลแดงเข้ม กระเบื้องดินเผาเป็นการผลิตและขึ้นรูปโดยผ่านการเผาด้วยความร้อนและเทคนิคแบบดั้งเดิม จึงทำให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ เหมาะกับงานตกแต่งสไตล์ธรรมชาติ กระเบื้องดินเผา มีรูพรุนมาก ทำให้มีการยืดหดตัวสูงเมื่อโดนความชื้นและความร้อน แตกหักง่าย ผุกร่อนโดนกัดเซาะได้ง่าย ผิวค่อนข้างด้าน ตัวเนื้อดินเผามีสีสันให้เลือกไม่มากนัก และหากไม่ได้ผลิตด้วยมาตรฐานระดับสูงมักมีสีสันของแต่ละแผ่นไม่สม่ำเสมอ ข้อดีของกระเบื้องชนิดนี้คือไม่ลื่น(ถ้าไม่ได้มีตะไคร่น้ำเกาะ) ระบายความชื้นและความร้อนได้ดี จึงอมความร้อนไว้ไม่นาน ราคาประหยัด เหมาะสำหรับปูพื้น ในพื้นที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมากนัก สามารถปูพื้นภายในบ้านได้ ปูพื้นที่ระเบียงได้ ปูพื้นห้องน้ำได้ (โซนแห้ง โซนเปียกไม่แนะนำให้ปู ตัวกระเบื้องดินเผามีการดูดซึมน้ำสูง อาจจะทำให้กระเบื้องล่อนได้ง่าย)

กระเบื้องเคลือบ

       กระเบื้องเคลือบ เป็นกระเบื้องที่มีขนาดหลากหลายและมีโทนสีสไตล์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากที่สุด ดูแลรักษาง่าย แต่ไม่ทนต่อรอยขีดข่วน พื้นผิวแข็งแต่ลื่นเมื่อเปียกน้ำ กระเบื้องเซรามิคมีให้เลือกหลายหลายขนาด นอกจากนี้ยังแบ่งเป็นแบบผิวมัน (Glossy) และแบบผิวธรรมดา (Matt) ซึ่งชนิดผิวธรรมดานี้แบ่งได้อีก 2 ชนิดคือ แบบผิวไม่หยาบ (Satin) และผิวหยาบ (Rustic) กระเบื้องเซรามิคมีหลายและสีสันให้เลือกมากมาย ง่ายต่อการบำรุงรักษา ทำความสะอาดง่าย แต่ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีการสัญจร กระเบื้องเซรามิค จึงเหมาะที่จะใช้งานภายในมากกว่าภายนอก หรือในพื้นที่ที่ไม่ได้มีการสัญจรมาก กระเบื้องเซรามิคจะแยกลักษณะการใช้งานออกเป็น 2 แบบคือ กระเบื้องปูพื้น(Floor Tile) และ กระเบื้องบุผนัง(Wall Tile)

กระเบื้องปูพื้น (Floor Tile) 

       กระเบื้องปูพื้น (Floor Tile) เป็นเนื้อกระเบื้อง Stone Ware ผ่านการเผาที่อุณหภูมิประมาณ 1150 - 1200 องศาเซลเซียส ทีการดูดซึมน้ำปานกลาง ตัวเนื้อกระเบื้องจะมีสีน้ำตาล และสีขาว ตัวกระเบื้องทึบแสง มีความแข็งแกร่งกว่ากระเบื้องบุผนัง สามารถใช้งานได้ทั้ง ปูพื้น และ บุผนัง

กระเบื้องบุผนัง (Wall Tile)

       กระเบื้องบุผนัง (Wall Tile) เป็นเนื้อกระเบื้อง Earthen Ware ที่มีเนื้อละเอียด ผ่านการเผาที่อุณหภูมิประมาณ 900 - 1100 องศาเซลเซียส มีความพรุนตัว ดูดซึมน้ำสูง ตัวเนื้อกระเบื้องจะมีสีขาว สีครีม และสีแดง มีความแข็งแกร่งน้อย เหมาะสำหรับบุผนังเท่านั้น ไม่สามารถนำไปปูที่พื้นได้ เพราะออกแบบให้รับน้ำหนักต่างกัน

จะเห็นได้ว่า กระเบื้องบุผนัง จะมีความหนาที่บางกว่า กระเบื้องปูพื้น


กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain Tile)


       กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain Tile) เป็นกระเบื้องที่มีเนื้อแน่นละเอียด มีส่วนประกอบของ ดินขาว ผ่านกระบวนการผสมกับแร่อื่นๆ เช่น หินเขี้ยว หนุมาน ดินดำ ไชน่าสโตน และแร่หินฟันม้า เป็นต้น ผ่านการเผาที่อุณหภูมิมากกว่า 1250 องศาเซลเซียส มีความแกร่งสูง รองรับน้ำหนักได้ดี ทนทานกว่ากระเบื้องชนิดอื่น และทนต่อการเสียดสีขูดขีด เหมาะสำหรับใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นทั้งภายในและภายนอก ในตลาดส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 แบบคือ

2.1 แบบเคลือบผิวหน้า หรือกระเบื้องเกลซพอร์ซเลน (Glazed porcelain Tile)  


       

        กระเบื้องเกลซพอร์ซเลน มีการเคลือบสีและลวดลายที่ผิวหน้า หากสังเกตดี ๆ ที่ขอบกระเบื้องจะมองเห็นชั้นเคลือบและเนื้อกระเบื้องจะเห็นว่าส่วนของผิวหน้าแยกออกจากเนื้อกระเบื้องอย่างชัดเจน เมื่อมีอะไรมากระทบจนเกิดการกระเทาะหรือเกิดการสึกหรอที่ผิวหน้าไปจนถึงเนื้อกระเบื้อง จะสังเกตเห็นได้ว่าเป็นคนละสีกัน นอกจากนี้ ด้วยนวัตกรรมการพิมพ์ระบบดิจิทัล จึงเนรมิตลวดลายแบบแรนดอมในมุมมองสามมิติอีกด้วย จึงทำให้กระเบื้องชนิดนี้มีความหลากลายในเรื่องของลายและสีสัน ความหนาของกระเบื้องอยู่ที่ประมาณ 10 มม. มีทั้งรุ่นตัดขอบ และไม่ตัดขอบ รุ่นไม่ตัดขอบความหนาของกระเบื้องจะบางกว่าและราคาถูกกว่ารุ่นตัดขอบ รุ่นตัดขอบ ข้อดีคือ สามารถปูชิดติดกันได้ โดยความกว้างของร่องยาแนวสามารถว่างห่างกันเพียง 2 มม. ได้

2.2 แบบที่เป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น หรือกระเบื้องแกรนิโต (Homogeneous Tile) 

        กระเบื้องแกรนิตโต้ มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ทั้งพื้นผิวและเนื้อกระเบื้อง หากถูกกระเทาะหรือเกิดการสึกหรอที่ผิวหน้าไปจนถึงเนื้อกระเบื้อง จะสังเกตเห็นได้ยาก เพราะเป็นสีเดียวกัน อัตรการดูดซึมน้ำน้อยกว่า กระเบื้องเกลซพอร์ซเลน ใช้งานถายนอกอาคารที่เปียกชื้นได้ กระเบื้องแกรนิตโต้เมื่อปูแล้ว จะเรียบเนียนกว่ากระเบื้องเกลซพอร์ซเลน ความกว้างของร่องยาวแนว 2 มม. เท่ากัน มีผิวสัมผัสที่หลากหลาย ตั้งแต่ผิวเรียบเนียนไปถึงผิวขรุขระที่ลึกมากกว่ากระเบื้องประเภทอื่น

จะเห็นได้ว่า กระเบื้องเกลซพอร์ซเลน จะมีเนื้อ 2 ชั้น ส่วนกระเบื้องแกรนิตโต้ จะเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด

กระเบื้องโมเสก (Mosaic Tile)

        กระเบื้องโมเสก (Mosaic Tile) เป็นกระเบื้องแก้วหรือกระเบื้องเซรามิกซึ่งมีขนาดเล็กกว่ากระเบื้องปูพื้นผนังทั่วไป มีหลายสี หลายขนาดให้เลือก ที่นิยมจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 1x1 นิ้ว 2x2 นิ้ว และ 4x4 นิ้ว  เป็นกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ที่มาติดกันบนแผ่นตาข่ายรอง รวมออกมาเป็นกระเบื้องแผ่น ที่ถูกออกแบบมาใช้งานหลายรูปแบบ รวมไปถึงใช้ในงานตกแต่งอีกด้วย มีสีสันที่สวยงาม กันน้ำได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ ด้วยความที่เป็นแผ่นเล็กๆ มาติดกัน จึงทำให้มีร่องให้น้ำไหลผ่านเป็นจำนวนมาก ทำให้กระเบื้องโมเสคเหมาะกับการไปติดในห้องน้ำและพื้นที่มีขนาดเล็กรวมถึงโค้งมน เช่นสระว่ายน้ำ มีความแข็งแรงน้อยกระเบื้องทั่วไป มันวาว ทนทานและสีไม่ตก เนื้อสีของกระเบื้องสดใส ดูดซึมน้ำต่ำ

โมเสคแบบติดตาข่าย

        คุณสมบัติของกระเบื้องโมเสคคือมีขนาดเล็กทำให้ปูได้ปริมาณน้อยต้องใช้จำนวนมากทำให้มีราคาสูงกว่าการปูกระเบื้องทั่วไป แต่การที่มีขนาดเล็กทำให้ตกแต่งได้หลายรูปแบบ เช่น สีเดี่ยวทั้งแผง สีสลับสี แรนด้อมสีให้กลมกลืน รวมทั้งแบบใช้หลายสีให้ออกมาเป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายภาพวาด ซึ่งสวยงามมากอแต่ก็ราคาแพงมากเช่นกัน ขนาดของกระเบื้องโมเสคสามารถนำมาปูปนกันได้เช่น แผ่นขนาด 1×1 นิ้ว นำมาปูผสมแผ่นขนาด 2×2 นิ้ว จะเป็นลวดลายศิลปะแบบแปลกตาที่สามารถใช้ตกแต่งบริเวณต่างๆได้อย่างดี หากใช้ในการปูสระว่ายน้ำต้องใช้จำนวนมาก จึงนิยมใช้กระเบื้องโมเสคแบบติดเน็ตที่สามารถปูได้ทันทีเป็นตาข่ายที่มีขนาดกว้างแล้วปูติดเน็ตมาจัดเรียงแถวไว้เรียบร้อยแล้ว การใช้งานก็เพียงวางลงไปติดตั้งแล้วยาแนวได้ทันทีสะดวกรวดเร็ว ถือเป็นข้อดีของกระเบื้องโมเสคแบบติดเน็ต นอกจากนี้ยังมีรูปทรงอื่นๆ ด้วย เช่น สี่เหลี่ยมผืนผ้า วงกลม หกเหลี่ยม เป็นต้น ด้วยขนาดที่เล็กของกระเบื้องโมเสกมีข้อดีคือ สามารถสร้างสรรค์ลวดลายได้หลากหลาย

สรุปเรื่องชนิดของกระเบื้อง  

        นี่ก็เป็น 3 ประเภทที่นำมาจัดเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ของกระเบื้อง เมื่อเข้าใจประเภทต่าง ๆ ของกระเบื้องแล้ว รู้ว่าแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร ว่าควรจะใช้งานกระเบื้องประเภทไหน อย่างไร เหมาะกับพื้นที่แบบไหน ก็จะทำให้สามารถเลือกซื้อกระเบื้องที่เหมาะสมกับลักษณะในการใช้งานได้ เพราะอย่างที่ได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ถ้าหากเลือกซื้อชนิดกระเบื้องที่ผิดกับงานก็อาจจะทำให้ต้องเสียเงินเวลาและเงินจำนวนมากในการแก้ไข กระเบื้องบางแผ่นเวลารื้อออกมาจากแล้วอาจจะเสียหายได้ ทำให้ไม่สามารถนำกลับไปติดซ้ำได้อีก จึงต้องระวังให้ดี วิธีการหนึ่งที่จะตัดปัญหาตั้งแต่ต้นก็คือการศึกษาประเภทกระเบื้องให้ถ่องแท้ตั้งแต่แรก จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง กระเบื้องคุณภาพดีสำหรับตกแต่ง ไม่ว่าจะใช้งานที่ไหน แบบกระเบื้อง สีสัน สวยๆ ที่ดูราเกรสมีให้เลือกมากมายตามความต้องการ สินค้าคุณภาพ ส่งฟรี เมื่อสั่งครบ 3,000 บาท ที่ www.umipro.com